การฉลองครบรอบร้อยปีของคณะพลมารีย์ เซนาตุสจะจัดให้มีขึ้น ในวันเสาร์ที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2021 ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ ตามที่คอนชีเลี่ยมได้เสนอให้จัดฉลอง ตรงหรือใกล้เคียงกับวันที่ 8 กันยายน ซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระบังเกิด

จุดประสงค์การฉลองร้อยปีของคณะพลมารีย์

มองอดีต ว่าในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานั้น คณะพลมารีย์ได้ตอบสนอง เจตนารมณ์ของ บราเดอร์แฟรงก์ ดั๊ฟ ผู้ก่อตั้งคณะพลมารีย์มากน้อยเพียงใด “วัตถุประสงค์ของคณะพลมารีย์ คือ เพื่อพระสิริมงคลของพระเป็นเจ้า ทางความศักดิ์สิทธิ์ของสมาชิก ซึ่งพัฒนาด้วยการภาวนา และร่วมมือทำงาน อย่างแข็งขัน ภายใต้การนำฝ่ายพระศาสนจักร ในงานของพระนางมารีย์ และของพระศาสนจักร คือบดขยี้หัวงู (ปีศาจ) และขยายพระอาณาจักร ของพระคริสตเจ้า” (คู่มือ บทที่ 2 “วัตถุประสงค์” หน้า 4)

มองปัจจุบัน โดยสมาชิกพลมารีย์พิจารณาว่าตนมีจิตสำนึกที่จะตอบสนอง ความต้องการของพระศาสนจักรมากน้อยเพียงใด เมื่อต้องเจริญชีวิต เป็นประจักษ์พยานในสังคมเหมือนเชื้อแป้ง “ที่ไหนหาสมาชิกพลมารีย์ยาก แปลว่ามาตรฐานจิตตารมณ์ของที่นั่นอยู่ ในระดับต่ำอย่างน่าใจหาย และแทนที่จะถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า ไม่ควรจะทำ อะไรต่อไป กลับควรจะเป็นการชี้ให้เห็นความสำคัญยิ่งยวดที่จะต้องมี สาขาพลมารีย์ เพื่อจะเป็นเชื้อแป้งให้เกิดการฟู พึงใคร่ครวญถึงความจริง ที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้ใช้เชื้อทำให้แป้งฟูขึ้น (มธ 13:33)” (คู่มือบทที่ 32 “ข้อคัดค้านที่อาจจะได้รับ” หน้า 258)

มองอนาคต คณะพลมารีย์ต้องมองอนาคตว่า หลังการฉลองครบรอบ ร้อยปีแล้ว สมาชิกของคณะพลมารีย์จะทำงานกับคนที่มีอายุแตกต่างกัน อย่างไร เป็นต้นกับคนยุคใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีแนวความคิดแตกต่างจากคนรุ่นเก่า ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารก็แตกต่างกัน จะใช้วิธีการใดที่จะทำให้คนรุ่นใหม่มีความเชื่อ และสนใจกิจการฆราวาส แพร่ธรรม เช่น คณะพลมารีย์ “หากจะว่าคณะพลมารีย์ต้องครุ่นคิดอยู่แต่พระดำรัสสั่งสุดท้ายนั้นก็ไม่ผิด จึงต้องเป็นหลักแรกว่า ต้องตั้งต้นสร้างสัมพันธ์ติดต่อกับวิญญาณรอบด้าน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าทำดังนี้ และสามารถทำได้แน่ และถ้าจัดให้มี คณะพลมารีย์ตั้งขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่ง ซึ่งจะเป็นได้ในไม่ช้านัก เมื่อนั้นแหละ พระดำรัสสั่งของพระคริสตเจ้า จึงจะเข้าสู่ความสำเร็จสมพระประสงค์” (คู่มือ บทที่ 40 “จงไปเทศน์สอนพระวรสารแก่มนุษย์ทั้งมวล” หน้า 432 )

“อดีต” คือ..สิ่งที่ผ่านมาแล้ว และไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้… “อดีต” สามารถนำมาเป็นบทเรียน ไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำสองได้ “ปัจจุบัน” คือ..สิ่งที่เรามีอยู่ และเป็นเวลาที่เรากำลังหายใจอยู่ ณ ขณะนี้… “ปัจจุบัน” สามารถทำให้อนาคตดีขึ้น หรืออาจแย่ลงได้ “อนาคต” คือ..ความไม่แน่นอน สิ่งที่แน่นอนคือเราสามารถเลือกที่จะทำดีได้ในปัจจุบัน แม้อดีตจะผิดพลาดและละเลย “อนาคต” ย่อมจะดีขึ้น เพราะพลมารีย์มีพระแม่เป็นผู้นำทาง